วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ปลากระพงนึ่งมะนาว (อาหารไทย)

ปลากระพงนึ่งมะนาว (อาหารไทย)
ส่วนผสม 
1. ปลากระพงขาวหนัก 7 ขีด
2. กระเทียมสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
3. พริกขี้หนูสับหยาบ 10-30 เม็ด
(ถ้าใช้พริกขี้หนูสวนจะหอมและเผ็ดมากกว่า ปริมาณแล้วแต่ชอบ ถ้าใส่ 10 เม็ดสำหรับเผ็ดน้อย ... 30 เผ็ดมาก)
4. รากผักชีสับหยาบๆ 3 ราก
5. ต้นหอมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำปลากระพงมาขอดเกล็ด ควักเอาพุงปลาออก ล้างให้สะอาด แล้วบั้งขวางเนื้อปลาข้างละ 3 บั้งให้ถึงกระดูก แล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง
2. ก่อนนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชูและเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน แล้วนำไปทาตัวปลาให้ทั่ว วางใส่จาน พักไว้
3. นำน้ำสะอาดใส่ในซึ้ง ต้มให้น้ำเดือด จากนั้นให้นำปลากระพง (จากข้อ 2) ลงนึ่งในซึ้งเลยครับ แล้วปิดฝาหม้อ นึ่งไฟแรงประมาณ 10-15 นาที จนกระทั่งปลาสุก จากนั้นให้ยกปลาออกมา เทน้ำในจานปลาออกโดยใส่ถ้วยไว้ต่างหาก…อย่าทิ้ง
4. ระหว่างรอปลาสุก ให้ทำน้ำปรุงรสใส่ชามเตรียมไว้ โดยผสมกระเทียมสับ ต้นหอมสับ พริกขี้หนูสับ รากผักชีสับ น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน แล้วก็เติมน้ำจากตัวปลาลงไปผสมด้วย ชิมและเติมรสให้ถูกใจ 
5. นำปลาที่นึ่งสุกแล้ว ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ เสิร์ฟร้อนๆ ประดับด้วยมะนาวฝานเป็นแว่นๆ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ และผักชีไทย

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (อาหารไทย)

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (อาหารไทย)




ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรใส่น้ำพริกเผา
ส่วนผสม
สันในไก่หรืออกไก่ 1 ½ ถ้วย
แป้งสาลี 3/4 ถ้วย (หรือแป้งทอดกรอบก็ได้…แต่อาจจะกรอบไป)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วยพูน (ปริมาณเพิ่มลด ตามชอบ)
กระเทียม 5 กลีบ
พริกแห้งหั่น 3/4 ถ้วย
ต้นหอมหั่น (เป็นชิ้นยาวๆประมาณ 1 นิ้ว) 3/4 ถ้วย
เห็ดฟาง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)
แห้วต้มสุกหรือแห้วกระป๋อง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)

เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปริมาณเพิ่มรสได้ ตามชอบ)
น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำเนื้อไก่ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นแฉลบให้เป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้
2. เตรียมส่วนผสมต่างๆให้พร้อม ดังนี้
  • กระเทียบปอกปลือก ทุบ และสับหยาบ
  • นำเห็ดฟางหรือแห้วมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วถ้าเป็นเห็ดฟางก็ให้ผ่าครึ่งเตรียมไว้ ส่วนถ้าใช้แห้วก็ให้ผ่าเป็น 2 หรือ 4 ส่วน แล้วแต่ขนาด
  • ต้นหอม ตัดรากทิ้ง นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 1 นิ้ว
  • หอมหัวใหญ่ นำมาปอกเปลือก นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดกลาง
  • ให้ต้มแห้วจนสุก (ใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ) คือให้ต้มน้ำจนเดือดแล้วนำแห้วลงไปต้มจนสุก (ประมาณ 5 นาที) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้
  • พริกแห้ง ถ้ามีขั้วเด็ดทิ้งไป แล้วหั่นพริกแห้งเป็น 2 ส่วน (เป็นท่อนสั้น ๆ เพื่อให้เม็ดแตก ถ้าชอบเผ็ดพริกมากหักให้ละเอียดหน่อย)
  • เอาเครื่องปรุงรสทั้งหมดผสมรวมกันในชามหรือถ้วย เพื่อง่ายต่อการหยิบจับไม่ต้องเสียเวลาผัดไปปรุงไป (หรือบางท่านอาจจะรอปรุงขณะผัดทีเดียวก็ได้) เครื่องปรุงรสได้แก่ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำพริกเผา น้ำตาลทราย ใส่ในถ้วยแล้วคนๆผสมให้มันเข้ากันไว้ก่อน
3. เอาไก่คลุกแป้ง เริ่มจากใส่ซีอิ๊วขาวผสมลงไปบนไก่นิดหน่อย (ประมาณ 1-2 ช้อนชา) คลุกคล้าให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำเนื้อไก่ไปคลุกกับแป้งทอดกรอบ (บางๆไม่ต้องหนา) จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ พอเหลือง (ทอดให้ผิวตึงๆ ก็พอ ไม่ต้องสุกมาก เพราะเดี๋ยวเราจะเอาไปผัดอีก) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้บนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน
4. ทอดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยไฟอ่อนถึงไฟกลาง ทอดเล็กน้อยพอเหลือง (ระวังไหม้) จึงตักขึ้นพักไว้บนกระดาษเพื่อซับมัน (ถ้าใช้ไฟแรง จะทำให้เม็ดมะม่วงฯ ไหม้ได้ และข้างในจะไม่สุก) 
  • จากนั้นก็นำพริกแห้งลงไปทอดต่อด้วยไฟอ่อน จนพริกแห้งหอม เม็ดจะพองๆ (ระวังไหม้) แล้วช้อนขึ้นพักไว้ ให้สะเด็ดน้ำมัน
5. เทน้ำมันที่ทอดของเก็บไว้ แล้วใส่น้ำมันพืชสำหรับผัดลงไปนิดหน่อยประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง พอน้ำมันอุ่นแล้วให้ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอมเหลือง ตามด้วยหอมหัวใหญ่ลงไปผัด…จนเริ่มใส แล้วเอาเครื่องปรุงรสที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเคี่ยวในกระทะให้งวดหน่อยๆคลุกเคล้าใหข้ากัน
6. จากนั้นใส่เนื้อไก่และพริกแห้งทอดลงไปคลุกเลย…กลิ้งไปกลิ้งมาผัด ๆ เร็ว ๆ ให้เข้ากัน ตามด้วยใส่เม็ดมะม่วง ต้นหอม หรือผักอื่นๆ ตามลำดับ (ซอสจะเหือดแห้งลงและเดือด) ชิมรสชาติแล้วปรุงรสเพิ่มได้ถ้าไม่ถูกใจ รสชาติที่ปรุงได้ควรจะออกรสเค็มหวานครับ…ไม่ใช่หวานเค็ม (ถ้าน้ำเหือดแห้งมากเติมน้ำสะอาดได้ 1-3 ช้อนโต๊ะครับ) ผัดต่อให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาที คลุกกเคล้าให้เข้ากัน จึงปิดไฟ ตักใส่จานพร้อมเสริฟ

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

เค้กกล้วยหอม (ของหวาน)


ส่วนผสมเค้ก
  • แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก 3 ถ้วย
  • เนยสดชนิดเค็ม 1 1/2 ถ้วย
  • เนยขาว 1/2 ถ้วย
  • ไข่ไก่ฟองใหญ่ 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  • กล้วยหอมบดละเอียด 1 ถ้วย
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • นมสด 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • ชีสแผ่นหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
  1. เตรียมแป้งไว้โดยผสมแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน ร่อนด้วยตะแกรงร่อนแป้ง 1 ครั้ง
  2. ผสมกล้วยหอมบด นมสด วานิลลาเข้าด้วยกัน พักไว้
  3. ตีเนยสด เนยขาว และเกลือเข้าด้วยกัน ด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้า พอขึ้นฟู ใส่น้ำตาล ตีต่อจนขึ้นฟู เป็นครีมขาว ต่อยไข่ใส่ทีละฟอง ตีให้เข้ากันจนหมดไข่
  4. ใส่ส่วนผสมแป้ง สลับกับส่วนผสมกล้วยหอม ตีเบาๆ ให้เข้ากันใส่ชีส คนให้ทั่ว
  5. เทส่วนผสมใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 6×6x2 นิ้ว ที่ทาเนยและรองด้วยกระดาษไข ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ เคาะพิมพ์เบาๆ
  6. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 300 F ประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก เอาออกจากเตาอบ ทิ้งไว้สักครู่ คว่ำออกจากพิมพ์ดึงกระดาษออก หั่นเป็นชิ้น

บัตเตอร์เค้ก (ของหวาน)


ส่วนผสม:
  • แป้งเค้ก
  • ไอส์ซิ่ง หรือนำน้ำตาลไปปั่นในโถแห้ง
  • นมสดรสจืด
  • ไข่ไก่สด
  • เนยละลาย
  • โอวาเล็ต (ทำให้เค้กมีเนื้อเนียนละเอียด)
  • กลิ่น นม-เนย
  • เกลือ
  • ผงฟู
ขั้นตอนการทำ:
  1. ร่อนของแห้งทั้งหมดลงผสมให้เข้ากัน
  2. นำสวนผสมทั้งหมดมาตีให้เข้ากันยกเว้นเนยละลาย ตีจนส่วนผสมเป็นสีเหลืองออน
  3. ค่อยๆใส่เนยละลาย
  4. เทลงใส่พิมพ์ เข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับขนาด
  5. นำออกมาพักรอให้เย็น พร้อมรับประทาน

สปาเก็ตตี้ซีฟู้ด (อาหารนานาชาติ)

ส่วนผสม
  • สปาเกตตี 200- 240 กรัม
  • น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย +2 ช้อนโต๊ะ
  • พาร์สเลย์สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมไทยสับละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • หอยตลับทั้งเปลือก 500 กรัม
  • ปูม้า (250 กรัม) ลอกเยื่ออกหั่นแว่น 1 ตัว
  • ไวน์ขาว ¼ ถ้วย
  • มะเขือเทศกระป๋องสับหยาบ พร้อมน้ำในกระป๋อง (565 กรัม) 1 กระป๋อง
  • เนื้อหอยเชลล์ 5 ตัว 
  • หอยแมลงภู่ทั้งเปลือก 5 ตัว 
  • กุ้งแช่บ๊วยไม่แกะเปลือก 6 ตัว 
  • พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
  • เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
  • เปลือกพริกป่น (ปาปริก้า) 1 ช้อนชา
  • พาร์สเลย์สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
  1. ต้มน้ำในหม้อใบใหญ่ให้เดือดจัด ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย ใส่สปาเกตตีลงต้มจนสุกแบบ al dente (กัดแล้วเส้นยังมัไตแข็งเล็กน้อย) ตักเส้นขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ใส่อ่างผสม แล้วเคล้าด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน
  2. ใส่น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย และกระเทียมลงในกระทะ เปิดไฟปานกลาง ผัดเอาแค่กระเทียมเริ่มเหลือง จากนั้นใส่พาร์สเลย์ หอยตลับ เร่งเป็นไฟแรง ผัดให้เปลือกหอยสุกอ้า ใส่ปูม้าและปลาหมึก ใส่ไวน์ขาว ยกกระทะกระดกไปมาให้ทั่ว (ส่วนผสมเคล้ากัน) ผัดจนสุกและไวน์ขาวเหลืองครึ่งหนึ่ง 
  3. ใส่มะเขือเทศพร้อมน้ำมะเขือเทศ เคี่ยวจนน้ำซอสเหลือครึ่งหนึ่ง ใส่หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ และกุ้ง ผัดพอสุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยป่น และเปลือกพริกป่น ใส่น้ำมันมะกอกที่เหลือ ปิดไฟ
  4. ใส่สปาเกตตีลงไปคลุกเคล้ากับซอสที่ผัดในกระทะให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยพาร์สเลย์พร้อมเสิร์ฟ (สำหรับ 4-5 คนรับประทาน)

ต้มยำกุ้งน้ำข้น ( อาหารไทย)

ส่วนประกอบ
  • กุ้งกุลาดำ 15 ตัว
  • เห็ดโคนประมาณ 10-15 ดอก ใช้เห็ดนางฟ้าหรือเห็ดฟางแทนก็ได้
  • มะนาวใช้ 3 ลูก บีบน้ำได้ประมาณ 3 ช้อนกินข้าวแบบสั้น
  • พริกขี้หนูเม็ดเล็กใช้ 10 เม็ด
  • หัวหอมแดง 3-4 หัว
  • ตะไคร้ใช้ 2-3 ต้นไม่ใหญ่
  • ข่าแก่หั่นใช้ 5 แว่น
  • ใบมะกรูด 4-5 ใบ
  • รากผักชี 2-3 ต้น (ใครจะเพิ่มผักชีฝรั่งก็ใส่ได้ตามชอบใจ)
  • น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาอย่างดี 2-3 ช้อนโต๊ะ (ต้องชิมรสประกอบ)
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • นมข้นไม่หวาน (ใช้คาร์เนชั่น) หรือใช้นมสดรสจืดยิ่งดีเลย 1 ถ้วย
  • น้ำซุป ถ้าไม่มี ใช้น้ำเปล่าแล้วใช้รสดีปรุงรสแทน
วิธีทำ
  1. นำตะไคร้มาทุบแบบหยาบ และหั่นประมาณ 1 นิ้ว ต่อด้วยหั่นข่า 1 แง่งให้เป็นแว่นๆ เพื่อให้ได้ประมาณ 5-7 แว่น ไม่ต้องหนามาก เอาแบบพอดีๆ
  2. หั่นผักชีเป็นฝอยๆ และนำรากผักชีไปทุบพอหยาบ และทุบพริกขี้หนูอีก 10 เม็ดให้พอหยาบเช่นกัน
  3. หั่นมะเขือเทศลูกใหญ่โดยผ่าให้ได้ 4 ชิ้น จากนั้นก็หั่นเห็ดฟางแบบครึ่งและเห็ดนางฟ้าฉีกครึ่ง ใบมะกรูดนำมาฉีกครึ่งเป็น 4 ส่วน
  4. ปอกเปลือกกุ้งสดให้สะอาด ผ่าหลังและล้างน้ำให้สะอาด รวมทั้งผักทุกชนิดที่เราจะรับประทาน จำเป็นต้องล้างน้ำให้สะอาดก่อนหั่น
  5. เตรียมน้ำพริกเผาผสมนมสด โดยนำนมสดหรือน้ำข้นไม่หวาน 1 ถ้วยมาผสมกับ น้ำพริกเผา บี้ให้ตัวพริกเผาไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
  6. นำหม้อต้มใส่น้ำเปล่า 1 ลิตรที่ได้เตรียมไว้ โดยเริ่มตั้งไฟด้วยไฟแรง หลังจากนั้นก็ใส่ตะไคร้ทุบและข่าที่หั่นเตรียมไว้ และใส่รากผักชีทุบลงไปพร้อมๆ กันเลย
  7. เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่เห็ดฟางและเห็ดนางฟ้าไปพร้อมๆ กับกุ้งสดรอจนน้ำเดือด
  8. พอน้ำเดือด ให้หรี่ไฟเป็นไฟเป็นแบบปานกลาง จากนั้นก็ใส่เครื่องปรุงรสที่เราได้เตรียมไว้แล้ว นั้นก็คือ น้ำปลา มะนาว คน 1 รอบ ตามด้วยน้ำพริกเผาผสมนมสด และคนให้เข้ากันอีกรอบ และเปิดไฟแรงอีกครั้ง
  9. นำมะเขือเทศและพริกขี้หนู  และใบมะกรูดมาใส่ลงในหม้อ พอน้ำเดือดแล้วให้ปิดไฟทันที
  10. ยกลงมาเทใส่ถ้วย จากนั้นก็โรยหน้าด้วยผักชี ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟแล้วล่ะอาจปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ

แกงเขียวหวานไก่ (อาหารไทย)


เครื่องปรุงแกงเขียวหวานไก่

  • พริกแกงเขียวหวานผสมพริกแกงเผ็ดนิดนึง (ซื้อที่ตลาด…เดี๋ยวว่างๆจะเอาสูตรทำพริกแกงเด็ดๆมาฝากนะครับ)
  • สะโพกไก่ 500 กรัม
  • เครื่องในไก่ 500 กรัม (หรือมากกว่าได้ตามชอบ)
  • เลือดไก่ 1 ก้อน (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  • มะเขือเปราะ 500 กรัม
  • มะเขือพวง 500 กรัม
  • พริกขี้หนูสวน 100 กรัม (โขลกหรือบด ให้พอละเอียด)
  • กะทิสด 1½ เอาเฉพาะหัว หรือจะใช้แบบกล่องก็เอากล่องขนาด 1000 มิลลิลิตร
  • ใบโหรพา 200 กรัม
  • พริกแดงเพื่อตกแต่ง 1 เม็ด (ใส่หรือไม่ก็ได้)
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ หรือ น้ำปลา
  • น้ำตาลปิ๊ป 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำเนื้อไก่ เครื่องในและเลือดไก่ มาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำเนื้อไก่ต่างๆมาหั่นให้ได้ชิ้นพอดีคำ
2. เตรียมผักต่างๆสำหรับปรุงอาหาร
  • มะเขือเปราะล้างและ ผ่าครึ่งหั่น สี่ ชิ้น แช่ในน้ำผมสมเกลือเพื่อไม่ให้มะเขือดำ จากนั้นก็เด็ดมะเขือพวงลงไปแช่รวมกันด้วย
  • ใบโหรพาเด็ดเอาแต่ใบล้างน้ำแล้วผึ่งในตระกร้าไว้
3. นำหัวกะทิมาผัดกับพริกแกงให้หอม คือเริ่มจากเอาน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ลงกระทะ จากนั้นนำพริกขี้หนูสวนที่โขลกแล้วลงไปเจียวให้หอมด้วยไฟอ่อน ตามด้วยพริกแกงลงไปผัดตาม ค่อยๆเติมหัวกะทิ ทีละทัพพี ให้ได้ 3 ทัพพี เคี่ยวให้กะทิแตกมัน (เหตุที่ใช้พริกขี้หนูด้วยก็เพื่อเพิ่มความเผ็ดหอม และไม่ให้น้ำแกงข้นเกินไปจากพริกแกงที่ใส่เยอะ)
4. จากนั้นให้ใส่ไก่ลงผัดให้พอสุก ตามด้วยเครื่องใน เติมเกลือ 1/2 ช้อนชา (ถ้าเกลือปรุงทิพย์ ให้ใส่ครึ่งช้อนชา หรือถ้าเป็นเกลือป่นสมุทร 1 ช้อนชา) ผัดให้พอสุก
5. จากนั้นให้เติมหัวกะทิส่วนที่เหลือลงไป เปิดไฟแรงให้เดือดสักพัก
6. ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือพวงลงไป หมั่นคนให้มะเขือจมน้ำแกงเพื่อมะเขือจะได้ไม่ดำ ทำให้น่าทาน จนมะเขือเริ่มสุก เติมน้ำปลา น้ำตาลปิ๊ป ลงไป ชิมให้ได้รสตามต้องการ ใส่ใบโหรพา เป็นลำดับสุดท้าย คนให้ทั่ว ปิดไฟ ยกลง 
7. ตักเสิร์ฟรับประทานได้เลย…ที่เป็นแกงเขียวกวานไก่รสกลมกล่อมและจัดจ้าน สามารถทานกับขนมจีนหรือข้าวสวยร้อนๆได้แล้ว

กล่องแชท


Try Relay: the free SMS and picture text app for iPhone.