วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

เค้กกล้วยหอม (ของหวาน)


ส่วนผสมเค้ก
  • แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก 3 ถ้วย
  • เนยสดชนิดเค็ม 1 1/2 ถ้วย
  • เนยขาว 1/2 ถ้วย
  • ไข่ไก่ฟองใหญ่ 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  • กล้วยหอมบดละเอียด 1 ถ้วย
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • นมสด 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • ชีสแผ่นหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
  1. เตรียมแป้งไว้โดยผสมแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน ร่อนด้วยตะแกรงร่อนแป้ง 1 ครั้ง
  2. ผสมกล้วยหอมบด นมสด วานิลลาเข้าด้วยกัน พักไว้
  3. ตีเนยสด เนยขาว และเกลือเข้าด้วยกัน ด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้า พอขึ้นฟู ใส่น้ำตาล ตีต่อจนขึ้นฟู เป็นครีมขาว ต่อยไข่ใส่ทีละฟอง ตีให้เข้ากันจนหมดไข่
  4. ใส่ส่วนผสมแป้ง สลับกับส่วนผสมกล้วยหอม ตีเบาๆ ให้เข้ากันใส่ชีส คนให้ทั่ว
  5. เทส่วนผสมใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 6×6x2 นิ้ว ที่ทาเนยและรองด้วยกระดาษไข ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ เคาะพิมพ์เบาๆ
  6. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 300 F ประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก เอาออกจากเตาอบ ทิ้งไว้สักครู่ คว่ำออกจากพิมพ์ดึงกระดาษออก หั่นเป็นชิ้น

บัตเตอร์เค้ก (ของหวาน)


ส่วนผสม:
  • แป้งเค้ก
  • ไอส์ซิ่ง หรือนำน้ำตาลไปปั่นในโถแห้ง
  • นมสดรสจืด
  • ไข่ไก่สด
  • เนยละลาย
  • โอวาเล็ต (ทำให้เค้กมีเนื้อเนียนละเอียด)
  • กลิ่น นม-เนย
  • เกลือ
  • ผงฟู
ขั้นตอนการทำ:
  1. ร่อนของแห้งทั้งหมดลงผสมให้เข้ากัน
  2. นำสวนผสมทั้งหมดมาตีให้เข้ากันยกเว้นเนยละลาย ตีจนส่วนผสมเป็นสีเหลืองออน
  3. ค่อยๆใส่เนยละลาย
  4. เทลงใส่พิมพ์ เข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับขนาด
  5. นำออกมาพักรอให้เย็น พร้อมรับประทาน

สปาเก็ตตี้ซีฟู้ด (อาหารนานาชาติ)

ส่วนผสม
  • สปาเกตตี 200- 240 กรัม
  • น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย +2 ช้อนโต๊ะ
  • พาร์สเลย์สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมไทยสับละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • หอยตลับทั้งเปลือก 500 กรัม
  • ปูม้า (250 กรัม) ลอกเยื่ออกหั่นแว่น 1 ตัว
  • ไวน์ขาว ¼ ถ้วย
  • มะเขือเทศกระป๋องสับหยาบ พร้อมน้ำในกระป๋อง (565 กรัม) 1 กระป๋อง
  • เนื้อหอยเชลล์ 5 ตัว 
  • หอยแมลงภู่ทั้งเปลือก 5 ตัว 
  • กุ้งแช่บ๊วยไม่แกะเปลือก 6 ตัว 
  • พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
  • เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
  • เปลือกพริกป่น (ปาปริก้า) 1 ช้อนชา
  • พาร์สเลย์สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
  1. ต้มน้ำในหม้อใบใหญ่ให้เดือดจัด ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย ใส่สปาเกตตีลงต้มจนสุกแบบ al dente (กัดแล้วเส้นยังมัไตแข็งเล็กน้อย) ตักเส้นขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ใส่อ่างผสม แล้วเคล้าด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน
  2. ใส่น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย และกระเทียมลงในกระทะ เปิดไฟปานกลาง ผัดเอาแค่กระเทียมเริ่มเหลือง จากนั้นใส่พาร์สเลย์ หอยตลับ เร่งเป็นไฟแรง ผัดให้เปลือกหอยสุกอ้า ใส่ปูม้าและปลาหมึก ใส่ไวน์ขาว ยกกระทะกระดกไปมาให้ทั่ว (ส่วนผสมเคล้ากัน) ผัดจนสุกและไวน์ขาวเหลืองครึ่งหนึ่ง 
  3. ใส่มะเขือเทศพร้อมน้ำมะเขือเทศ เคี่ยวจนน้ำซอสเหลือครึ่งหนึ่ง ใส่หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ และกุ้ง ผัดพอสุก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยป่น และเปลือกพริกป่น ใส่น้ำมันมะกอกที่เหลือ ปิดไฟ
  4. ใส่สปาเกตตีลงไปคลุกเคล้ากับซอสที่ผัดในกระทะให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยพาร์สเลย์พร้อมเสิร์ฟ (สำหรับ 4-5 คนรับประทาน)

ต้มยำกุ้งน้ำข้น ( อาหารไทย)

ส่วนประกอบ
  • กุ้งกุลาดำ 15 ตัว
  • เห็ดโคนประมาณ 10-15 ดอก ใช้เห็ดนางฟ้าหรือเห็ดฟางแทนก็ได้
  • มะนาวใช้ 3 ลูก บีบน้ำได้ประมาณ 3 ช้อนกินข้าวแบบสั้น
  • พริกขี้หนูเม็ดเล็กใช้ 10 เม็ด
  • หัวหอมแดง 3-4 หัว
  • ตะไคร้ใช้ 2-3 ต้นไม่ใหญ่
  • ข่าแก่หั่นใช้ 5 แว่น
  • ใบมะกรูด 4-5 ใบ
  • รากผักชี 2-3 ต้น (ใครจะเพิ่มผักชีฝรั่งก็ใส่ได้ตามชอบใจ)
  • น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาอย่างดี 2-3 ช้อนโต๊ะ (ต้องชิมรสประกอบ)
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • นมข้นไม่หวาน (ใช้คาร์เนชั่น) หรือใช้นมสดรสจืดยิ่งดีเลย 1 ถ้วย
  • น้ำซุป ถ้าไม่มี ใช้น้ำเปล่าแล้วใช้รสดีปรุงรสแทน
วิธีทำ
  1. นำตะไคร้มาทุบแบบหยาบ และหั่นประมาณ 1 นิ้ว ต่อด้วยหั่นข่า 1 แง่งให้เป็นแว่นๆ เพื่อให้ได้ประมาณ 5-7 แว่น ไม่ต้องหนามาก เอาแบบพอดีๆ
  2. หั่นผักชีเป็นฝอยๆ และนำรากผักชีไปทุบพอหยาบ และทุบพริกขี้หนูอีก 10 เม็ดให้พอหยาบเช่นกัน
  3. หั่นมะเขือเทศลูกใหญ่โดยผ่าให้ได้ 4 ชิ้น จากนั้นก็หั่นเห็ดฟางแบบครึ่งและเห็ดนางฟ้าฉีกครึ่ง ใบมะกรูดนำมาฉีกครึ่งเป็น 4 ส่วน
  4. ปอกเปลือกกุ้งสดให้สะอาด ผ่าหลังและล้างน้ำให้สะอาด รวมทั้งผักทุกชนิดที่เราจะรับประทาน จำเป็นต้องล้างน้ำให้สะอาดก่อนหั่น
  5. เตรียมน้ำพริกเผาผสมนมสด โดยนำนมสดหรือน้ำข้นไม่หวาน 1 ถ้วยมาผสมกับ น้ำพริกเผา บี้ให้ตัวพริกเผาไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
  6. นำหม้อต้มใส่น้ำเปล่า 1 ลิตรที่ได้เตรียมไว้ โดยเริ่มตั้งไฟด้วยไฟแรง หลังจากนั้นก็ใส่ตะไคร้ทุบและข่าที่หั่นเตรียมไว้ และใส่รากผักชีทุบลงไปพร้อมๆ กันเลย
  7. เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่เห็ดฟางและเห็ดนางฟ้าไปพร้อมๆ กับกุ้งสดรอจนน้ำเดือด
  8. พอน้ำเดือด ให้หรี่ไฟเป็นไฟเป็นแบบปานกลาง จากนั้นก็ใส่เครื่องปรุงรสที่เราได้เตรียมไว้แล้ว นั้นก็คือ น้ำปลา มะนาว คน 1 รอบ ตามด้วยน้ำพริกเผาผสมนมสด และคนให้เข้ากันอีกรอบ และเปิดไฟแรงอีกครั้ง
  9. นำมะเขือเทศและพริกขี้หนู  และใบมะกรูดมาใส่ลงในหม้อ พอน้ำเดือดแล้วให้ปิดไฟทันที
  10. ยกลงมาเทใส่ถ้วย จากนั้นก็โรยหน้าด้วยผักชี ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟแล้วล่ะอาจปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ

แกงเขียวหวานไก่ (อาหารไทย)


เครื่องปรุงแกงเขียวหวานไก่

  • พริกแกงเขียวหวานผสมพริกแกงเผ็ดนิดนึง (ซื้อที่ตลาด…เดี๋ยวว่างๆจะเอาสูตรทำพริกแกงเด็ดๆมาฝากนะครับ)
  • สะโพกไก่ 500 กรัม
  • เครื่องในไก่ 500 กรัม (หรือมากกว่าได้ตามชอบ)
  • เลือดไก่ 1 ก้อน (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  • มะเขือเปราะ 500 กรัม
  • มะเขือพวง 500 กรัม
  • พริกขี้หนูสวน 100 กรัม (โขลกหรือบด ให้พอละเอียด)
  • กะทิสด 1½ เอาเฉพาะหัว หรือจะใช้แบบกล่องก็เอากล่องขนาด 1000 มิลลิลิตร
  • ใบโหรพา 200 กรัม
  • พริกแดงเพื่อตกแต่ง 1 เม็ด (ใส่หรือไม่ก็ได้)
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ หรือ น้ำปลา
  • น้ำตาลปิ๊ป 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำเนื้อไก่ เครื่องในและเลือดไก่ มาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำเนื้อไก่ต่างๆมาหั่นให้ได้ชิ้นพอดีคำ
2. เตรียมผักต่างๆสำหรับปรุงอาหาร
  • มะเขือเปราะล้างและ ผ่าครึ่งหั่น สี่ ชิ้น แช่ในน้ำผมสมเกลือเพื่อไม่ให้มะเขือดำ จากนั้นก็เด็ดมะเขือพวงลงไปแช่รวมกันด้วย
  • ใบโหรพาเด็ดเอาแต่ใบล้างน้ำแล้วผึ่งในตระกร้าไว้
3. นำหัวกะทิมาผัดกับพริกแกงให้หอม คือเริ่มจากเอาน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ลงกระทะ จากนั้นนำพริกขี้หนูสวนที่โขลกแล้วลงไปเจียวให้หอมด้วยไฟอ่อน ตามด้วยพริกแกงลงไปผัดตาม ค่อยๆเติมหัวกะทิ ทีละทัพพี ให้ได้ 3 ทัพพี เคี่ยวให้กะทิแตกมัน (เหตุที่ใช้พริกขี้หนูด้วยก็เพื่อเพิ่มความเผ็ดหอม และไม่ให้น้ำแกงข้นเกินไปจากพริกแกงที่ใส่เยอะ)
4. จากนั้นให้ใส่ไก่ลงผัดให้พอสุก ตามด้วยเครื่องใน เติมเกลือ 1/2 ช้อนชา (ถ้าเกลือปรุงทิพย์ ให้ใส่ครึ่งช้อนชา หรือถ้าเป็นเกลือป่นสมุทร 1 ช้อนชา) ผัดให้พอสุก
5. จากนั้นให้เติมหัวกะทิส่วนที่เหลือลงไป เปิดไฟแรงให้เดือดสักพัก
6. ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือพวงลงไป หมั่นคนให้มะเขือจมน้ำแกงเพื่อมะเขือจะได้ไม่ดำ ทำให้น่าทาน จนมะเขือเริ่มสุก เติมน้ำปลา น้ำตาลปิ๊ป ลงไป ชิมให้ได้รสตามต้องการ ใส่ใบโหรพา เป็นลำดับสุดท้าย คนให้ทั่ว ปิดไฟ ยกลง 
7. ตักเสิร์ฟรับประทานได้เลย…ที่เป็นแกงเขียวกวานไก่รสกลมกล่อมและจัดจ้าน สามารถทานกับขนมจีนหรือข้าวสวยร้อนๆได้แล้ว

กล่องแชท


Try Relay: the free SMS and picture text app for iPhone.